Hertz British Grand Prix 2012
Silverstone circuit
เข้าสู่การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกสนามที่ 6 ประจำปี 2012 โดยครั้งนี้จัดกันที่ประเทศอังกฤษ วึ่งสนามแห่งนี้มีประวัติที่ยาวนานกว่า 60 ปี และเพิ่งจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่เมื่อปี 2010 ในส่วนของสนามและพิทรวมไปถึงส่วนอื่นๆ ที่เอาเรื่องของสถาปัตย์กรรมตามสไตล์อังกฤษเข้ามาผสมผสานกันด้วย ทำให้นักแข่งนั้นจะต้องปรับตัวกันใหม่พอสมควรสำหรับเรื่องของร่องไลน์ต่างๆ ที่จะมีความแตกต่างจากสนามแข่งอื่นๆ
จากความกว้างของแทร็คมาตามมาตรฐานต้องมาเจอกับโค้ง ซ้าย 8 โค้ง และโค้งขวา 10 โค้ง โดยจะมีทางตรงให้กดกันยาวๆ ซึ่งในสนามนี้บรรดารุ่นใหญ่นั้นสามารถ ทำได้ถึง 323 กม./ชม. กันเลยทีเดียว ส่วนในรุ่นที่เราติดตามกันอยู่อย่าง Moto2 ผู้ที่ทำได้ดีที่สุดคือ Randy KRUMMENACHER สามารถกดไปได้ถึง 270.4 กม./ชม. ส่วน หนึ่งเดียวของไทยในระดับโลก ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ยังเป็นรองเรื่องท๊อปสปีดอยู่ที่ 266.1 กม/ชม. แต่จากตรงนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นตัวตัดสินได้เต็มร้อย สามารถดุได้จากคนที่อันดับท๊อปสปีดที่ดีที่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้แชมป์ในสนามนั้น องคืประกอบอื่นๆ มีอยู่มากมาย เรียวทางตรงแต่เข้าโค้งไม่ได้คือสิ่งที่เราเห็นกันอยู่เป็นประจำ ดังนั้นทุกอย่างจะต้องมีความลงตัวโดยท๊อปสปีดก็ต้องไม่น้อยเกินไปและสามารถคุมรถในโค้งได้ดี เช่นเดียวกับท่าทางการขับขี่และสไตลืการขับขี่ที่ก็ไม่ได้หมายความว่าใครแบนโค้งเยอะหรือสามารถเอาศอกไปเช็ดพื้นได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้ที่ขี่เร็วที่สุด เพราะในส่วนนี้จะอยู่ในเรื่องของการจัดองคืประกอบท่านั่งของแต่ละคนซึ่งเราจะเห็นว่าความถนัดนั้นมีความแตกต่างกัน ซึ่งตรงนี้เรามาว่ากันในเรื่องของฟีมกันต่อดีกว่า
จากสภาพสนามนี้ตัวฟีมเองยังไม่มีความถนัดซักเท่าไหร่ต่างจากบรรดานักแข่งเจ้าบ้านและนักแข่งละแวกนี้ซึ่งก็มาจากลักษณะการออกแบบโค้งที่จะมีความกว้างและใช้เบรคน้อย เพราะโดยพื้นฐานของ ฟีม นั้นเกิดมาจากสนามที่มีโค้งแคบ แบบที่เรียกว่า วัดใจยอกลึกก่อนเข้าโค้งและกระแทกคันเร่งได้เร็วกว่าคนอื่น ซึ่งสมัยที่แข่งอยู่ในเมืองไทยก็คงจะเห็นได้ว่ารถไม่ได้ทำอะไรมากแต่ก็สามารถทำเวลาต่อรอบได้ดีกว่าคนอื่น ดังนั้นสนาม ซิลเวอร์สโตน แห่งนี้จึงสร้างปัญหาให้กับฟีมพอสมควร เพราะการเข้าจะต้องใหลตามรูปแบบสนามไฮสปีดไม่ค่อยมีโค้งพับเยอะๆ ให้กระแทกเบรคแรงๆ เหมือนกับที่เคยเจอมา บวกกับปัญหาเรื่องของระบบกันสะเทือนนั้นยังแก้ไม่หายตั้งแต่สนามแรก ซึ่งทาง Showa เองก็ทำการบ้านหนักพอสมควรสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นฟีมจึงต้องใช้ร่างกายที่ฟิตเอาตัวเข้าช่วยในส่วนของการขับขี่พอสมควร ส่วนเรื่องเฟรม Suter นั้น ตอนนี้เป็นตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งก็อยู่ที่ฟีมว่าจะปรับตัวให้เข้ากับเฟรมชุดนี้ได้เร็วขนาดไหน เพราะความแตกต่างนั้นจะอยู่ที่การปรับเซ็ทซึ่งเฟรมระดับเทพอย่างนี้ สามารถปรับได้ทุกส่วนที่เกี่ยวโยงไม่ว่าจะเป็นแผงคอ จะให้เอียงขนาดไหน หรือว่าจุดเยื้องศูนย์ที่ติดกับระบบกันสะเทือนจะสามารถปรับให้โดยละเอียดซึ่งการทำงานนั้นเค้าจะปรับเป็นหลักมิลลิเมตร ก็หมายความว่าทุกชิ้นส่วนจะต้องละเอียดและกระพริบตาให้ได้
ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยดีตั้งแต่วันซ้อมเป็นเรื่องธรรมดา จนมาถึงก่อนวันแข่งหนึ่งวันก็มีฝนตกลงมา แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ ฟีม สามารถ ทำเวลาได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าทำลายสถิติของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ผลการควอลิฟายนั้นยังทำได้ที่ 19 อยู่ ซึ่งถ้าคิดกันแบบเอาใจช่วยในชั่วโมงนั้นเราเชื่อว่าฟีมน่าจะขยับขึ้นมาได้ 5-6 อันดับ เพราะดูแล้วช่วงหลังฟีมออกตัวดีขึ้นมาก และขี่ทั้งคุมและทั้งบู๊ได้ดีกว่าปีที่ผ่านๆ มา บวกกับความเคยชินเครื่องยนต์ ฮอนด้า 600 ซีซี ที่คลุกคลีกันมาตลอดดังนั้นเราและหลายๆ คนต้องเชื่อว่าฟีมทำได้แน่นอน
ที่มา : http://www.aphonda.co.th/2010/2010_page601.asp?id=0731